ขอต้อนรับสู่ หมู่บ้านเฉลิมพระเกียรติ ชมรมเพาะพันธุ์กล้ายางคุณภาพ ตอนนี้ยาง TP48 พันธุ์มาเลย์ พร้อมออกสู่เกษตรกรแล้ว สายพันธุ์อื่น ๆ ปรับราคาใหม่ ในราคาเกษตรกร และตอนนี้ทางชมรมต้องการตัวแทนตัวหน่ายกล้ายาง สนใจรายละเอียด กรุณาติดต่อโดยตรง

ยางพาราแพร่ กรีดแล้ว

ยางพารา ภาคเหนือ อำเภอสอง จังหวัดแพร่  กรีดได้แล้ว

RRIM600 ได้ถ่ายวันที่ 14/1/2555 ที่อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ซึ่งอายุของยางประมาณ 7 ปี กรีดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และบางแปลงกำลังจะเปิดกรีด .ในอนาคตอันใกล้

ซึ่งจะเห็นได้ว่า ชาวแพร่ เค้าตื่นตัวที่จะปลูกยางพารากัน เพราะตัวอย่างที่ปลูกได้ผล ต้นขึ้นสวย ไม่แพ้ภาคใด ๆ ในประเทศ ก็ว่าได้  บางส่วนก็กำลังปลูก ดังภาพด้านล่าง กำลังจะขึ้นสองฉัตร พอดี เห็นแล้วชื่นใจแทนชาวจังหวัดแพร่  ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่สามารถปลูกยางพาราได้ นั้นหมายถึงสัญญาณเศรษฐกิจที่ดี กำลังก้าวเข้ามาสู่เกษตรกร อย่างยั่งยืน








ดูวีดีโอทั้งหมด

วีดีโอ TP48 พันธุ์มาเลย์
  1. TP48 พันธุ์มาเลย์ อายุ 1 ปี
  2. TP48 พันธุ์มาเลย์ อายุ 2 ปี
  3. TP48 พันธุ์มาเลย์ อายุ 2 ปี 4 เดือน Update
  4. TP48 พันธุ์มาเลย์ อายุ 4 ปี 2 เดือน
  5. TP48 พันธุ์มาเลย์ อายุ 4 ปี 5 เดือน  Update
  6. TP48 พันธุ์มาเลย์ อายุ 5 ปี (ยังไม่กรีด)
  7. TP48 พันธุ์มาเลย์ พารา (ปลูกด้วยเมล็ด)
  8. TP48 พันธุ์มาเลย์ แปลงแรก (กรีดแล้ว)
  9. TP48 พันธุ์มาเลย์ ปลูกซ่อม กับ RRIM600
  10. TP48 พันธุ์มาเลย์ กับ RRIM600 (กรีดแล้ว)
  11. TP48 พันธุ์มาเลย์ ชมสวนแปลงยาง
  12. TP48 พันธุ์มาเลย์ ชมสวนแปลงยาง(ต่อ)
  13. TP48 พันธุ์มาเลย์ การติดตายางเปลี่ยนสายพันธุ์
  14. TP48 พันธุ์มาเลย์ แนะนำสายพันธุ์

วีดีโอเพิ่มเติม
  1. RRIM600 ยอดดำ
  2. การติดยางตาเขียว
  3. การติดตายาง
  4. การผลิตยางชำถุง
  5. แปลงกล้ายาง 40 ไร่
  6. การปลูกยาง (โดยละเอียด) โดยสถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร
  7. การปลูกยางชำถุง ลงแปลงที่ถูกต้อง Uddate

ยางพาราอนาคตรุ่ง ตลาดโลกต้องการอื้อ

คาดปีหน้าความต้องการยางพาราโลกเพิ่มถึง 11 ล้านตัน อีก 10 ปีข้างหน้าต้องการเพิ่มกว่า 1 เท่า ส่วนราคายางในไทยปีหน้าคาดขยับเพิ่มอีก 10%
ดร.สตีเฟน อีเวน เลขาธิการกลุ่มศึกษาเรื่องยางระหว่างประเทศ (IRSG) กล่าวถึงการคาดการณ์ความต้องการยางของโลก ในการสัมมนา “ ยางมีอนาคตสดใสอย่างยั่งยืนจริงหรือ” ว่าในปีนี้ปริมาณการใช้ยางธรรมและยางธรรมชาติ อยู่ที่ 23.9 ล้านตันเพิ่มจากปีที่แล้ว 12.0% ปีหน้าคาดว่า จะเพิ่มเป็น 25.5 ล้านตันเพิ่มขึ้น 6.7% โดยเป็นยางธรรมชาติปริมาณ 10.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 9.4%
ส่วนปีหน้า  คาดว่าความต้องการจะอยู่ที่ 11 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.4% ซึ่งการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนได้ส่งผลให้ความต้องการใช้ยางธรรมชาติของโลกเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งขณะนี้ จีนได้กลายมาเป็นประเทศผู้ใช้ยางพารา เป็นอันดับ 2 แทนญี่ปุ่น และความต้องการใช้ยางพาราจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งในอุตสาหกรรมรถยนต์ และอุตสาหกรรมอื่น โดยปริมาณความต้องการใช้มากกว่า ยุโรปและสหรัฐฯร่วมกัน จึงคาดว่าในปีหน้า ราคายางพาราโลกจะสูงขึ้นต่อเนื่อง และในปี 2020 คาดว่าความต้องการยางโลกจะอยู่ที่ 31.7 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 13 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ในปี 2020 คาดว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่ประมาณ 140 ดอลล่าสหรัฐต่อบาร์เรล เพราะฉะนั้นราคายางสังเคราะห์ก็จะสูงด้วย ทำให้ความต้องใช้ยางธรรมชาติของโลกยังมีปริมาณเพิ่มสูงต่อเนื่อง
ศ.ไดโกะ ซาอิด ดามาดจาติ เลขาธิการสมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ กล่าวถึงการผลิตยางของโลกว่า ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ปลูกยางมากที่สุดของโลกโดยสัดส่วนอยู่ที่ 34.6% ทั้งนี้ผลผลิตของยางโลกนั้นมีปัญหาอยู่ที่ การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ และอายุของยางที่ให้ผลผลิตเริ่มมากขึ้นทำให้ปริมาณยางที่ให้ลดลง รวมทั้งสภาวะอากาศที่แปรปรวนทำให้คาดการณ์ได้ยากก็เป็นอุปสรรคเช่นกัน ซึ่งการส่งเสริมการปลูกเพิ่มที่เริ่มให้ผลผลิตในขณะนี้ จะเข้ามาทดแทนได้ส่วนหนึ่งเท่านั้น สำหรับประเทศไทย นั้นตั้งแต่ปี 2012-2017 จะมีปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 1.8 ล้านตันหรือประมาณ 17% เนื่องจากพื้นที่ปลูกยางใหม่ เริ่มให้ผลผลิต
นายเฉิน จิน หลง ประธานบริษัทยาง Hangzhou Zhongoe Rubber จำกัด อภิปรายถึงการคาดการณ์ความต้องการใช้ยางธรรมชาติในประเทศจีนว่า ตั้งแต่ปี 2009 จีนได้กลายเป็นตลาดรถยนต์อันดับ 1 ของโลกอย่างเป็นทางการ เนื่องจากปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการปริมาณยางรถยนต์เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ โดยตัวเลขการผลิตยางรถยนต์ของจีนในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2010 ได้มีการผลิตประมาณ 203 ล้านเส้น เพิ่มขึ้น 23% ของปีที่ผ่านมา โดยเป็นยางเสริมใย(ยางเรเดียล) 107 ล้านเส้น เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 27% ตัวเลขการส่งออกยางรถยนต์อยู่ที่ 3.39 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 37.4%
"แต่จากราคายางพาราที่สูงขึ้นแม้ว่าจะผลิตหรือขายของได้มากขึ้นแต่กำไรไม่มากทำให้ ขณะนี้อุตสาหกรรมยางรถยนต์ที่ใช้ยางสังเคราะห์ในจีนเพิ่มขึ้นมากซึ่งหากเป็นไปได้ องค์การยางระหว่างประเทศควรจะเข้ามาช่วยดูแลว่าทำอย่างไรที่จะทำให้ราคายางพาราไม่สูงมากจนเป็นอุปสรรคจนบริษัทผลิตยางรถยนต์ต้องหันไปใช้วัสดุอื่น"นายเฉินกล่าว
นายหลักชัย  กิตติพล นายกสมาคมยางพาราไทยกล่าวถึงสถานการณ์ยางไทย ปัจจุบันและอนาคตว่า ไทยสามารถผลิตยางพาราได้เป็นอันดับ 1 ของโลกโดยมีผลผลิตอยู่ที่ 3 ล้านตัน อันดับสองคืออินโดนีเซียอยู่ที่ 2.5 ล้านตัน ปริมาณการใช้ยางธรรมชาติของโลกตั้งแต่ปี 48-52 มีการขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 2% ต่อปี ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจของจีนในเรื่องเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยหลักต่อความต้องการใช้ยางธรรมชาติ เพราะฉะนั้นในปี 54 อาจจะเกิดความผันผวนในส่วนนี้ได้ อย่างไรก็ตามในปี 54 คาดว่าราคายางพาราของไทยจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เพราะฉะนั้นเห็นว่ายางพารายังเป็นพืชที่มีอนาคต ซึ่งในกรณีของบริษัทได้ลดความเสี่ยงในเรื่องผลผลิตโดยไปปลูกยางในประเทศลาวประมาณ 2 แสนไร่
"ซึ่งจากการที่ไทยเป็นประเทศที่ผลิตรายใหญ่ทำให้ขณะนี้หลายประเทศสนใจเข้ามาติดต่อและเจรจาจับคู่ธุรกิจกับผู้รับซื้อยางของไทยมากขึ้นและมีการติดต่อที่จะร่วมทุนทำธุรกิจผลิตสินค้าที่ทำจากยางพารามากกขึ้น โดยในการจัดงานครั้งได้มีการเจรจาธุรกิจและลงนามในข้อตกลงซื้อขายยางพาราร่วมกันเบื้องต้น 9 คู่ ธุรกิจมูลค่าเบื้องต้นประมาณ 1.7 แสนล้านบาท"นายหลักชัยกล่าว

ที่มาข่าว : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ - 2 ธันวาคม 2553