ขอต้อนรับสู่ หมู่บ้านเฉลิมพระเกียรติ ชมรมเพาะพันธุ์กล้ายางคุณภาพ ตอนนี้ยาง TP48 พันธุ์มาเลย์ พร้อมออกสู่เกษตรกรแล้ว สายพันธุ์อื่น ๆ ปรับราคาใหม่ ในราคาเกษตรกร และตอนนี้ทางชมรมต้องการตัวแทนตัวหน่ายกล้ายาง สนใจรายละเอียด กรุณาติดต่อโดยตรง

ยางพาราอนาคตรุ่ง ตลาดโลกต้องการอื้อ

คาดปีหน้าความต้องการยางพาราโลกเพิ่มถึง 11 ล้านตัน อีก 10 ปีข้างหน้าต้องการเพิ่มกว่า 1 เท่า ส่วนราคายางในไทยปีหน้าคาดขยับเพิ่มอีก 10%
ดร.สตีเฟน อีเวน เลขาธิการกลุ่มศึกษาเรื่องยางระหว่างประเทศ (IRSG) กล่าวถึงการคาดการณ์ความต้องการยางของโลก ในการสัมมนา “ ยางมีอนาคตสดใสอย่างยั่งยืนจริงหรือ” ว่าในปีนี้ปริมาณการใช้ยางธรรมและยางธรรมชาติ อยู่ที่ 23.9 ล้านตันเพิ่มจากปีที่แล้ว 12.0% ปีหน้าคาดว่า จะเพิ่มเป็น 25.5 ล้านตันเพิ่มขึ้น 6.7% โดยเป็นยางธรรมชาติปริมาณ 10.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 9.4%
ส่วนปีหน้า  คาดว่าความต้องการจะอยู่ที่ 11 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.4% ซึ่งการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนได้ส่งผลให้ความต้องการใช้ยางธรรมชาติของโลกเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งขณะนี้ จีนได้กลายมาเป็นประเทศผู้ใช้ยางพารา เป็นอันดับ 2 แทนญี่ปุ่น และความต้องการใช้ยางพาราจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งในอุตสาหกรรมรถยนต์ และอุตสาหกรรมอื่น โดยปริมาณความต้องการใช้มากกว่า ยุโรปและสหรัฐฯร่วมกัน จึงคาดว่าในปีหน้า ราคายางพาราโลกจะสูงขึ้นต่อเนื่อง และในปี 2020 คาดว่าความต้องการยางโลกจะอยู่ที่ 31.7 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 13 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ในปี 2020 คาดว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่ประมาณ 140 ดอลล่าสหรัฐต่อบาร์เรล เพราะฉะนั้นราคายางสังเคราะห์ก็จะสูงด้วย ทำให้ความต้องใช้ยางธรรมชาติของโลกยังมีปริมาณเพิ่มสูงต่อเนื่อง
ศ.ไดโกะ ซาอิด ดามาดจาติ เลขาธิการสมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ กล่าวถึงการผลิตยางของโลกว่า ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ปลูกยางมากที่สุดของโลกโดยสัดส่วนอยู่ที่ 34.6% ทั้งนี้ผลผลิตของยางโลกนั้นมีปัญหาอยู่ที่ การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ และอายุของยางที่ให้ผลผลิตเริ่มมากขึ้นทำให้ปริมาณยางที่ให้ลดลง รวมทั้งสภาวะอากาศที่แปรปรวนทำให้คาดการณ์ได้ยากก็เป็นอุปสรรคเช่นกัน ซึ่งการส่งเสริมการปลูกเพิ่มที่เริ่มให้ผลผลิตในขณะนี้ จะเข้ามาทดแทนได้ส่วนหนึ่งเท่านั้น สำหรับประเทศไทย นั้นตั้งแต่ปี 2012-2017 จะมีปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 1.8 ล้านตันหรือประมาณ 17% เนื่องจากพื้นที่ปลูกยางใหม่ เริ่มให้ผลผลิต
นายเฉิน จิน หลง ประธานบริษัทยาง Hangzhou Zhongoe Rubber จำกัด อภิปรายถึงการคาดการณ์ความต้องการใช้ยางธรรมชาติในประเทศจีนว่า ตั้งแต่ปี 2009 จีนได้กลายเป็นตลาดรถยนต์อันดับ 1 ของโลกอย่างเป็นทางการ เนื่องจากปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการปริมาณยางรถยนต์เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ โดยตัวเลขการผลิตยางรถยนต์ของจีนในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2010 ได้มีการผลิตประมาณ 203 ล้านเส้น เพิ่มขึ้น 23% ของปีที่ผ่านมา โดยเป็นยางเสริมใย(ยางเรเดียล) 107 ล้านเส้น เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 27% ตัวเลขการส่งออกยางรถยนต์อยู่ที่ 3.39 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 37.4%
"แต่จากราคายางพาราที่สูงขึ้นแม้ว่าจะผลิตหรือขายของได้มากขึ้นแต่กำไรไม่มากทำให้ ขณะนี้อุตสาหกรรมยางรถยนต์ที่ใช้ยางสังเคราะห์ในจีนเพิ่มขึ้นมากซึ่งหากเป็นไปได้ องค์การยางระหว่างประเทศควรจะเข้ามาช่วยดูแลว่าทำอย่างไรที่จะทำให้ราคายางพาราไม่สูงมากจนเป็นอุปสรรคจนบริษัทผลิตยางรถยนต์ต้องหันไปใช้วัสดุอื่น"นายเฉินกล่าว
นายหลักชัย  กิตติพล นายกสมาคมยางพาราไทยกล่าวถึงสถานการณ์ยางไทย ปัจจุบันและอนาคตว่า ไทยสามารถผลิตยางพาราได้เป็นอันดับ 1 ของโลกโดยมีผลผลิตอยู่ที่ 3 ล้านตัน อันดับสองคืออินโดนีเซียอยู่ที่ 2.5 ล้านตัน ปริมาณการใช้ยางธรรมชาติของโลกตั้งแต่ปี 48-52 มีการขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 2% ต่อปี ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจของจีนในเรื่องเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยหลักต่อความต้องการใช้ยางธรรมชาติ เพราะฉะนั้นในปี 54 อาจจะเกิดความผันผวนในส่วนนี้ได้ อย่างไรก็ตามในปี 54 คาดว่าราคายางพาราของไทยจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เพราะฉะนั้นเห็นว่ายางพารายังเป็นพืชที่มีอนาคต ซึ่งในกรณีของบริษัทได้ลดความเสี่ยงในเรื่องผลผลิตโดยไปปลูกยางในประเทศลาวประมาณ 2 แสนไร่
"ซึ่งจากการที่ไทยเป็นประเทศที่ผลิตรายใหญ่ทำให้ขณะนี้หลายประเทศสนใจเข้ามาติดต่อและเจรจาจับคู่ธุรกิจกับผู้รับซื้อยางของไทยมากขึ้นและมีการติดต่อที่จะร่วมทุนทำธุรกิจผลิตสินค้าที่ทำจากยางพารามากกขึ้น โดยในการจัดงานครั้งได้มีการเจรจาธุรกิจและลงนามในข้อตกลงซื้อขายยางพาราร่วมกันเบื้องต้น 9 คู่ ธุรกิจมูลค่าเบื้องต้นประมาณ 1.7 แสนล้านบาท"นายหลักชัยกล่าว

ที่มาข่าว : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ - 2 ธันวาคม 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น