ลักษณะประจำพันธุ์
ใบมีรูปร่างป้อมปลายใบ ขอบใบเป็นคลื่น ใบมีสีเขียว ฉัตรใบมีขนาดใหญ่เป็นรูปกรวย ในช่วงยางอ่อนลำต้นคดแต่จะหายไปเมื่ออายุมากขึ้น แตกกิ่งมากทั้งกิ่งขนาดกลางและขนาดใหญ่ การแตกกิ่งไม่สมดุล พุ่มใบทึบ ทรงพุ่มมีขนาดใหญ่เป็นรูปกลม ผลัดใบช้าและทยอยผลัดใบ
ลักษณะทางการเกษตร
ระยะก่อนเปิดกรีดเจริญเติบโตดี ระหว่างกรีดเจริญเติบโตปานกลาง ขนาดลำต้น ทั้งแปลงมีความสม่ำเสมอดีทำให้มีจำนวนต้นเปิดกรีดมาก เปลือกเดิม และเปลือกงอกใหม่หนาปานกลาง พื้นที่ปลูกยางเดิมให้ผลผลิต 10 ปีกรีดเฉลี่ย 462 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี สูงกว่าพันธุ์ RRIM 600 ร้อยละ 57 พื้นที่ปลูกยางใหม่ให้ผลผลิต 5 ปีกรีด เฉลี่ย 333 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี สูงกว่าพันธุ์ RRIM 600 ร้อยละ 59 ต้านทานโรคใบร่วงที่เกิดจากเชื้อไฟทอปโทราโรคราแป้ง โรคใบจุดนูน และโรคราสีชมพูระดับปานกลาง ค่อนข้างต้านทานโรคเส้นดำ มีจำนวนต้นเปลือกแห้งน้อย ต้านทานลมระดับปานกลาง
ลักษณะดีเด่น
ให้ผลผลิตเนื้อยางสูงมาก ขนาดลำต้นมีความสม่ำเสมอทั้งแปลง เปิดกรีดได้เร็วมีจำนวนวงท่อน้ำยางมาก มีความต้านทานโรค และน้ำยางมีสมบัติเหมาะสมต่อการแปรรูปทางอุตสาหกรรม
ข้อสังเกต
ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ในระยะยางอ่อนจะอ่อนแอมากต่อโรคใบจุดนูน ข้อจำกัดพื้นที่ปลูก
ไม่แนะนำให้ปลูกในพื้นที่ลาดชัน พื้นที่ที่มีหน้าดินตื้น และพื้นที่ที่มีระดับน้ำ
ใต้ดินสูง
*****อ้างอิงจาก สถาบันวิจัยยางสงขลา กรมวิชาการเกษตร
ลูกผสมยางไทยที่มีศักยภาพสูงในการให้ผลผลิตและปรับตัว ตามสภาพแวดล้อมปลูกยางต่างๆของประเทศ ผลจากการดำเนินงานที่ผ่านมา สถาบันวิจัยยางสามารถคัดเลือกพันธุ์ยางได้หลายพันธุ์ที่ให้ผล ผลิตน้ำยางสูง และมีลักษณะรองที่ดี เช่น การเจริญเติบโต ความต้านทานโรค เปลือกหนา วงท่อ น้ำยางมาก ปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้หลายพันธุ์ และพันธุ์ที่อยู่ในความสนใจของ เกษตรกร คือ พันธุ์สถาบันวิจัยยาง 251 หรือ RRIT 251
สถาบันวิจัยยาง 251 (RRIT 251)
ยางพันธุ์สถาบันวิจัยยาง 251ได้รับการคัดเลือกจากต้นกล้ายาง ในแปลงเกษตรกรจังหวัดสงขลา ผ่านการคัดเลือกในขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์ ดังนี
ปี 2503 : เริ่มรวบรวมพันธุ์ยางที่ปลูกด้วยเมล็ดที่ให้ผลผลิตสูงในพื้นที่ต่าง ๆ
ปี 2518 : คัดเลือกต้นยางจากเมล็ดที่ปลูกในปี 2505 ในสวนยางของนายซิ่ว บุญไผ่ เกษตรกรในจังหวัดสงขลา
ปี 2520 ,22 : เปรียบเทียบพันธุ์ยางขั้นต้น ที่สถานีทดลองยางถลาง จังหวัดภูเก็ต และสถานี ทดลองโคกปริเม็ง
จังหวัดนราธิวาส
ปี 2522 ,31 : เปรียบเทียบพันธุ์ยางขั้นปลาย ที่สถานีทดลองยางยะลา จังหวัดยะลา
สถานีทดลองโคกปริเม็ง จังหวัดนราธิวาส สถานีทดลองยางรือเสาะ
จังหวัดนราธิวาส และสถานีทดลองยางคลองท่อม จังหวัดกระบี่
ปี 2536 : ทดสอบพันธุ์ที่ศูนย์วิจัยยางสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี
สถานีทดลองยางระนอง จังหวัดระนอง สถานีทดลองยางวังทัง
จังหวัดพังงา สถานีทดลองยางพังงา จังหวัดพังงา
ศูนย์วิจัยยางฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
และศูนย์วิจัยยางหนองคาย จังหวัดหนองคาย
แนะนำเป็นพันธุ์ยางชั้น 3 ในคำแนะนำพันธุ์ยางปี 2536
ปี 2540 : เลื่อนชั้นเป็นพันธุ์ยางชั้น 2 ในคำแนะนำพันธุ์ยางปี 2540
ปี 2542 : ผ่านการรับรองพันธุ์จากอนุกรรมการรับรองพันธุ์ กรมวิชาการเกษตร
แนะนำเป็นพันธุ์ยางชั้น 1
ลักษณะเด่น
· ผลผลิตเนื้อยางแห้งสูง 467 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี มากกว่าพันธุ์เปรียบเทียบ RRIM600 ร้อยละ 59.4 (ตารางที่ 1)
ตารางที่ 1. ผลผลิตของยางพันธุ์สถาบันวิจัยยาง 251
· การเจริญเติบโต ระยะก่อนเปิดกรีดการเจริญเติบโตดี ระยะระหว่างกรีดปานกลาง และมี ขนาดลำต้นสม่ำเสมอดีมาก ทำให้มีจำนวนต้นเปิดกรีดได้มาก โดยมีจำนวนต้นเปิดกรีด ในปีแรก 64 ต้นต่อไร่ คิดเป็นร้อยละ 78 มากกว่าพันธุ์ RRIM 600 ที่มีจำนวนต้นเปิดกรีด ในปีแรก 38 ต้นต่อไร่ คิดเป็นร้อยละ 46.9
· เปลือกหนา เมื่ออายุ 9 ปี ความหนาเปลือกเฉลี่ย 5.8 มม. หนากว่าพันธุ์ RRIM 600 ร้อยละ 13.7
· มีจำนวนวงท่อน้ำยางมาก เมื่ออายุ 9 ปีมีจำนวนวงท่อน้ำยาง 10.5 วง มากกว่า RRIM 600 ร้อยละ 23.5
· ความต้านทานโรคอยู่ในระดับปานกลาง (ตารางที่ 2)
· มีจำนวนต้นเปลือกแห้งน้อยใกล้เคียงกับพันธุ์ RRIM 600 โดยมีจำนวนต้นแสดงอาการ เปลือกแห้ง 3 – 4 ต้นต่อไร่
ตารางที่ 2. ความต้านทานโรคของยางพันธุ์สถาบันวิจัยยาง 251
ข้อจำกัด ยางพันธุ์สถาบันวิจัยยาง 251 มีขนาดทรงพุ่มใหญ่ การแตกกิ่งไม่สมดุล ไม่แนะนำให้ปลูกในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พื้นที่ที่มีลมแรง พื้นที่ลาดชัน พื้นที่ที่มีหน้าดินตื้น และพื้นที่ที่มีระดับความลึกขอใต้ดินน้อยกว่า 1 เมตร
นอกจากนี้แล้ว ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา จากสภาวะความผันผวนของราคายางเนื่องจากวิกฤต ทางค้านเศรษฐกิจ ตลอดจนนโยบายการปิดป่าของรัฐบาลตั้งแต่ปี 2532 เป็นต้นมา ทำให้เกิดสภาวะการ ขาดแคลนไม้ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไม้ได้หันมาให้ความสนใจไม้ยาง ทำให้ไม้ยางมีราคาเพิ่มขึ้น มาก เกษตรกรบางรายจึงให้ความสนใจการปลูกยางเพื่อผลิตเนื้อไม้มากขึ้น ดังนั้น สถาบันวิจัยยางจึง ได้เร่งพัฒนายางพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตน้ำยางและ/หรือเนื้อไม้สูง ซึ่งจากการดำเนินงานผสมพันธุ์ยางรุ่น ใหม่ระหว่างปี 2531 – 2543 ได้จำนวน 16,549 สายพันธุ์ ที่อยู่ในระหว่างการทดลอง และผลการ ทดลองเบื้องต้นพบว่า มีหลายสายพันธุ์ที่มีการเจริญเติบโตดีมากกว่าพันธุ์เปรียบเทียบ RRIM600 และ PB260 ถึงร้อยละ 15.2 – 22.8 โดยมีอัตราเส้นรอบวงเพิ่มขึ้นต่อปีระหว่าง 9.4 –10.7 ซม.ต่อปี ทำให้ คาดว่าจะสามารถเปิดกรีดได้ในช่วงอายุ 5 - 5 ½ ปี ดังแสดงในตารางที่ 3 และสายพันธุ์ยางเหล่านี้ ยังมีลักษณะอื่น ๆ ที่ดี เช่น สายพันธุ์ RRI-CH-35-1299 มีขนาดลำต้นที่สม่ำเสมอกันทุกต้น ทรงพุ่มมี ขนาดใหญ่ทำให้ต้นยางโตเร็วมาก สายพันธุ์ BZ-CH-35-1602 และ OP-CH-35-2090 มีขนาดลำต้นโตดี สม่ำเสมอกันทุกต้น แตกกิ่งสูง ทรงพุ่มมีขนาดปานกลาง มีศักยภาพให้ผลผลิตเนื้อไม้สูง ในขณะที่สาย พันธุ์ RRI-CH-35-129 มีขนาดลำต้นโตสม่ำเสมอกันทุกต้น ทรงพุ่มมีขนาดเล็ก พุ่มใบทึบ แตกกิ่ง สมดุล ต้านทานดีต่อโรคราแป้ง ซึ่งระบาดค่อนข้างรุนแรงในพื้นที่ปลูกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำ ให้มีศักยภาพที่จะเพิ่มจำนวนต้นปลูกต่อไร่ และเหมาะสมสำหรับปลูกในพื้นที่ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ จากข้อมูลเบื้องต้นนี้ เมื่อผ่านการกรีดทดสอบผลผลิตแล้ว คาดว่าจะสามารถ คัดเลือกพันธุ์แนะนำให้เกษตรกรปลูกตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันได้ในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น